PanteeTHAI.com Map & GPS forum
May 22, 2024, 08:55:22 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: + + + วัดระดับน้ำมัน NGV/LPG ด้วยจีพีเอส + + +
 
   Home   Help Search Login Register  
Pages: [1]   Go Down
  Print  
Author Topic: Happy Birthday น้องบุ๋น อายุครบ 5 เดือนแล้ว !  (Read 5796 times)
nuch
BG Group
Full Member
*********
Posts: 154



« on: October 15, 2008, 09:04:53 AM »

ขอให้น้องบุ๋นเป็นเด็กแข็งแรง อารมณ์ดี มีความสุข
เป็นที่รักของคุณพ่อ-คุณแม่ และทุกๆคนนะครับ......

มีความรู้เกี่ยวกับ พัฒนาการสำหรับเด็กวัย 5-6 เดือน
มาฝากคุณพ่อ-คุณแม่ท่านอื่นๆ ที่มีลูกวัยนี้ด้วยคะ


เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่แล้ว
เด็กอายุ 5-6 เดือน จะเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น
มีกำลังมากขึ้น และสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น
อยากรู้อยากเห็น อยากจับต้องของทุกอย่าง
ถ้าคุณแม่อุ้มอยู่ เด็กจะเอามือขยุ้มจมูกคุณแม่
ลองยื่นของเล่นไปใกล้ ๆ เด็กจะเอามือคว้า
คว้าของอะไรได้เด็กจะแกว่งเล่นหรือเอาเข้าปากอม
ขาของเด็กจะแข็งขึ้น มักจะถีบผ้าห่มออกจากตัว
บางครั้งก็ยกขาฟาดที่นอนตึง ๆ เวลาอุ้มให้ยืนบนตัก
เด็กจะเหยียดขายืนตรงได้ครู่หนึ่ง
บางครั้งจะถีบเท้า
ต้องทำไอ้โน่นได้นี่ได้

เด็กบางคนชอบอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
อาจทำอะไรได้ช้ากว่าเด็กอื่น
เด็กที่ไม่ชอบถีบขากระโดดก็มีมาก

เด็กอายุเท่านี้
ถ้าจับนั่งแล้วใช้หมอนยันด้านหน้าเอาไว้
ส่วนใหญ่จะนั่งได้
เด็กบางคนสามารถนั่งได้
โดยไม่ต้องมีอะไรยันนาน 10-15 นาที

เด็กบางคนชอบนั่งตัวงอเหมือนกุ้ง
แล้วเอาปากยื่นไปดูดนิ้วเท้า

เด็กจะรู้จักสิ่งรอบตัวมากขึ้น
จำหน้าแม่ได้ จะยิ้มเมื่อเห็นหน้าแม่
และบางครั้งร้องไห้เมื่อเห็นคนแปลกหน้า
หรือเวลาแม่เดินห่างออกไป

ถ้าของเล่นตกจากเตียง เด็กจะพยายามหาดู

เด็กแต่ละคนมีความรู้สึกต่อสภาพแวดล้อมต่างกัน
จะเห็นได้ชัดเวลาถูกฉีดวัคซีน
เด็กบางคนไม่ร้องเลย
บางคนถูกฉีดไปแล้วสักพักจึงร้อง
บางคนพอถูกเข็มจิ้มปุ๊บร้องทันที
ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงลักษณะเฉพาะตัวของเด็ก
ซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่ใช่เรื่องที่จะสอนกันได้

เด็กที่ค่อนข้างซนจะนอนน้อย
เด็กที่ชอบอยู่เฉย ๆ จะนอนมากทั้งกลางวันกลางคืน
โดยทั่วไปเด็กจะนอนน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น
พอถึงวัยนี้เด็กส่วนใหญ่จะนอนตอนเช้า 1-2 ชั่วโมง
และตอนบ่ายอีก 2-3 ชั่วโมง
ตอนกลางวันเล่นมาก
ตอนกลางคืนจึงนอนหลับดีขึ้น
เด็กที่เคยตื่น 2 หนตอนกลางคืนจะลดลงเหลือหนเดียว
ที่เคยตื่นหนเดียวจะไม่ตื่นเลยนอนรวดเดียวถึงเช้า

ตอนกลางวันเด็กเห็นอะไรต่ออะไรมากขึ้น
บางครั้งตกใจบ้าง กลัวบ้าง
พอตกกลางคืนเด็กอาจฝันถึงสิ่งที่เห็นตอนกลางวัน
นอนอยู่ดี ๆ แผดเสียงร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ ก็มี
เด็กที่ไม่เคยเจ็บตัวเลย
เมื่อถูกฉีดวัคซีนครั้งแรกเด็กจะร้องลั่นไปหมด
พอตกกลางคืนอาจเริ่มนิสัยร้องกวนตอนกลางคืน
เพราะกลัวเข็มฉีดยาจนฝังใจก็มี

เด็กที่มีนิสัยร้องกวนตอนกลางคืน
คือนอนอยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้เหมือนตกใจกลัวอะไรสักอย่าง
แล้วร้องไม่หยุด ไม่ยอมนอน
ทำความลำบากเดือดร้อนให้คุณพ่อคุณแม่เป็นอันมาก
นิสัยนี้ส่วนใหญ่มักเริ่มเมื่อเด็กอายุได้ 5 เดือน
เพราะเด็กเริ่มรู้จักความดีใจและความกลัว

สำหรับนิสัยขับถ่ายของเด็กในวัยนี้
เด็กส่วนใหญ่จะอึวันละ 1-2 ครั้ง
เด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่บางคนอาจถ่ายวันละ 4-5 ครั้งก็มี
แต่เด็กบางคนท้องผูกต้องสวนทวารทุก 2 วัน
เด็กที่ท้องผูกเป็นประจำน้อยคน
ที่จะหายทันทีที่เริ่มอาหารเสริม
เพราะอาหารเสริมในระยะแรก
เรายังไม่ให้อาหารพวกผักที่มีเส้นใย
ช่วยในการขับถ่าย
แต่ถ้าคุณแม่ให้เด็กกินผลไม้และนมเปรี้ยวมาก ๆ
เด็กหลายคนจะถ่ายสะดวกขึ้น

สำหรับเด็กที่ไม่ดื้อและฉี่ไม่บ่อย
ถ้าคุณแม่อุ้มนั่งกระโถน
บางครั้งจะฉี่ลงกระโถนให้คุณแม่ได้ชื่นใจ
แต่การทำอย่างนี้ไม่มีผล
ในการฝึกให้ลูกนั่งกระโถนเป็น
เพียงแต่ช่วยประหยัดผ้าอ้อมหรือกางเกง
ให้คุณแม่ซักน้อยลงไปบ้างเท่านั้น

ส่วนเด็กที่ฉี่บ่อยคุณแม่อย่าเสียเวลาจับนั่งกระโถนเลย
เพราะไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไร

เมื่อเด็กอายุเกิน 5 เดือนแล้ว
อาการอาเจียนทุกครั้งหลังให้นมจะหมดไป
ยกเว้นในกรณีที่กินมากเกินไป เช่น
วันไหนอากาศร้อน คุณแม่ให้กินน้ำผลไม้
เด็กกระหายน้ำจึงกินเข้าไปมาก
เมื่อให้นมตามหลังเด็กกินมากเกินไป
อาจอาเจียนออกมาได้
หรือในกรณีของเด็กที่มีเสมหะมาก
เมื่อไอตอนกลางคืน
อาจอาเจียนเอานมที่กินเข้าไปออกมาด้วย
อาการอาเจียนแบบนี้ไม่ใช่โรค
สิ่งที่แสดงว่าเด็กไม่ได้เป็นอะไรคือ
หลังอาเจียนเด็กจะร่าเริงตามปกติ
หรือนอนหลับสบาย

แต่ถ้าเป็นกรณีที่อยู่ดี ๆ
เด็กก็ร้องจ้าแสดงความเจ็บปวดขึ้นมา
ร้องสัก 3-4 นาทีแล้วหยุดร้อง
เป็นปกติสัก 4-5 นาที แล้วกลับร้องอีก
พอให้นมก็อาเจียนออกมาหมด
อาการอย่างนี้ให้คิดถึงโรคลำไส้กลืนกัน
ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลใหญ่มีหมอผ่าตัดทันที
ถ้ารีบไปทันกาลอาจหายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

การให้อาหารเสริมนั้น
ความพร้อมของเด็กสำคัญที่สุด
ถ้าเด็กยังนั่งไม่ได้
กว่าคุณแม่จะป้อนข้าวตุ๋นให้สัก ¼ ถ้วย
ก็คงจะทุลักทุเลเต็มที

คุณแม่ควรเริ่มให้อาหารเสริม
เมื่อเห็นว่าเด็กแสดงท่าอยากกิน
ถ้าเด็กยังไม่พร้อม
ถึงคุณแม่จะป้อนให้
เด็กจะเอาลิ้นดุนออกมาหมด
แสดงว่ายังเร็วเกินไปที่จะเริ่มอาหารเสริม
แต่ถ้าเด็กยื่นมือมาคว้าช้อนเหมือนอยากกินอีก
คุณแม่เริ่มให้อาหารเสริมได้

และถึงแม้เด็กจะชอบกินข้าวตุ๋นหรือขนมปังต้มนม
(ขนมปังฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับนม
อาจใส่เกลือหรือเนยนิดหน่อยเพื่อให้อร่อยขึ้น)
มากเพียงไรก็ตาม
คุณแม่อย่าเพิ่มปริมาณให้รวดเร็วเกินไป
ถ้าใน 10 วันน้ำหนักเด็กเพิ่มมากกว่า 300 กรัมขึ้นไป
แสดงว่าเด็กกินมากเกินไป

เด็กบางคนไม่ชอบกินของเละ ๆ
ประเภทข้าวตุ๋นหรือขนมปังต้มนม
แต่จะชอบกินของแห้ง ๆ
พวกขนมฝรั่งหรือขนมปังกรอบ
คุณแม่ก็อย่าฝืนบังคับให้ลูกกินของไม่ชอบ
แทนที่จะทะเลาะกับลูกเรื่องกินข้างตุ๋น
คุณแม่ก็ให้ลูกกินไข่กินปลา
เพื่อให้ได้โปรตีนจากสัตว์ไปพลางก่อน
พอลูกมีฟันล่างฟันบน
ก็ให้กินข้าวสวยนิ่ม ๆ เลยก็ได้
(ที่จริงเด็กไม่ได้ใช้ฟันเคี้ยวหรอก)

การให้อาหารเสริมไม่ใช่การสอนศีลธรรมให้ลูก
เพราะฉะนั้นของที่ลูกไม่ชอบ
ก็ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ลูกกิน

นอกจากโรคลำไส้กลืนกันแล้ว
เด็กอายุ 5-6 เดือนจะยังไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไร
ถ้าคุณแม่พาลูกไปหาหมอบ่อย ๆ
โอกาสที่จะติดโรคติดต่อต่าง ๆ ก็มีมาก
(ดังที่เขียนไว้ในตอนช่วงอายุ 4-5 เดือน)
เด็กอายุเกิน 5 เดือนจะติดหัดได้
แต่ถ้าเป็นในระยะนี้อาการมักจะรุนแรง
สำหรับโรคหูอักเสบ
และโรคหลอดลมอักเสบคล้ายหืดนั้น
เด็กช่วงอายุนี้ก็เป็นได้

เมื่อขาเด็กแข็งแรงขึ้น
อุบัติเหตุตกเตียงและตกระเบียงจะมีมากขึ้นตามลำดับ

โดยทั่วไป ช่วงอายุ 5-6 เดือน
คือช่วงที่คุณแม่มักเน้นเรื่องอาหารเสริม
แต่อาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเราเท่านั้น
อย่าทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการปรุงอาหาร
และการป้อนอาหารลูก

เด็กในวัยนี้เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นโลกภายนอก
อยากให้คุณแม่เน้นเรื่องนี้มากกว่า
พาลูกออกเที่ยวนอกบ้านให้มาก
ถ้ามีสนามหญ้าก็ปูเสื่อให้เด็กเล่นกลางสนาม
ดูรถแล่น ดูคนแปลกหน้าเดินผ่านไปมา
เด็กจะรู้สึกสนุกสนาน
พยายามเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เป็นการออกกำลังกายไปในตัว
แต่ถ้าลูกของคุณเป็นเด็กเฉย ๆ ไม่ชอบเคลื่อนไหว
ควรหัดกายบริหารให้บ้าง 

การให้อาหารเสริม

เราให้อาหารเสริมแก่เด็กอ่อน
เพื่อเพิ่มธาตุอาหารที่มีน้อยในน้ำนม
และเพื่อหัดให้เด็กคุ้นเคยกับอาหารต่าง ๆ
จนกระทั่งเด็กหย่านมและกินอาหารได้
เหมือนคนอื่นในครอบครัว
เด็กจะค่อย ๆ เริ่มหัดจากอาหารเหลวอาหารอ่อน
จนกินอาหารเหมือนผู้ใหญ่ได้ในที่สุด
ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณครึ่งปี
โดยเริ่มจากข้าวตุ๋น (จนเหมือนโจ๊ก)

เมื่ออายุประมาณ 5 เดือน
แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นข้าวต้มธรรมดา
เมื่ออายุได้ 7-8 เดือน
และเป็นข้าวสวยเหมือนผู้ใหญ่
เมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ

อาหารเด็กอ่อน
ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่ทำขึ้นมา
เป็นพิเศษสำหรับเด็กอ่อน
อาหารที่ผู้ใหญ่กินอยู่ทุกวัน
ก็มีหลายอย่างที่เด็กอายุ 5-6 เดือนกินได้
เช่น ไข่ต้ม เต้าหู้ขาว มันบด
ปลาเนื้อขาว หมู เนื้อไก่บด ฯลฯ
แม่บ้านเก่ง ๆ จะรู้จักทำอาหาร
ที่ผู้ใหญ่ก็กินได้เด็กก็กินดี
โดยไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารเด็กอ่อน
ให้ลูกเป็นพิเศษ

คุณแม่ไม่ควรเสียเวลาวันละหลายชั่วโมง
ประดิดประดอยทำอาหารเด็กอ่อนให้ลูกกิน
โดยเฉพาะระยะ 1-2 เดือนแรก
ที่เด็กเริ่มหัดกินอาหารเสริม
เด็กจะกินมื้อละนิดหน่อยเท่านั้น
ถ้าคุณแม่มัวแต่ทำอาหาร
จะไม่มีเวลาพาลูกไปเดินเล่น

คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกินอย่างเดียว
และถ้าจะให้เด็กเป็นผู้เลือกแล้ว
คุณหนูคงเลือกที่จะให้คุณแม่
พาไปเที่ยวดูเด็กอื่นเล่นกันบ้าง
ดูหมาดูแมววิ่งไล่กันนอกบ้านวันละ 2-3 ชั่วโมง
ดีกว่ากินข้าวตุ๋น 2 ช้อน
ซึ่งคุณแม่ต้องเสียเวลาทำเป็นชั่วโมง

สำหรับเด็กที่มีพี่เลี้ยง
คุณแม่อาจให้พี่เลี้ยงช่วยพาเด็ก
ไปเที่ยวในช่วงที่คุณแม่ทำอาหาร
คุณแม่ควรพาลูกเที่ยวด้วย
เพราะเด็กกำลังเรียนรู้ทุกอย่างจากสภาพแวดล้อม
และคุณแม่คือครูที่ดีที่สุด

อาหารเสริมต้องเป็นอาหารที่เด็กชอบ
ถ้าเด็กไม่ชอบ คุณแม่อย่ายัดเยียดให้ลูกกิน
เพราะคิดว่าอุตส่าห์เสียเวลาทำตั้งนาน
ถ้าคุณแม่ฝืนบังคับให้ลูกกินบ่อย ๆ
เด็กจะปฏิเสธอาหารเสริม
และทำให้หย่านมไม่สำเร็จในเวลาอันสมควร

เด็กแต่ละคนจะยินดีกินอาหารเสริม
ในระยะเวลาที่ต่างกัน
ที่กำหนดว่าควรเริ่มให้อาหารเสริม
เมื่อเด็กอายุครบ 5 เดือนขึ้นไปนั้น
เพราะเด็กส่วนใหญ่
จะเริ่มอยากกินอาหารต่าง ๆ ในระยะนี้
แต่ไม่ได้เป็นข้อบังคับตายตัวว่า
เมื่อเด็กอายุครบ 5 เดือน
จำเป็นต้องให้อาหารเสริม
เด็กบางคนอาจยังไม่พร้อมก็ได้

เมื่อลูกอายุครบ 5 เดือน
คุณแม่ลองให้อาหารเสริมดู
เด็กอาจเอาลิ้นดุนออกมาหมด
ลองให้ดูอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
ถ้าเด็กยังไม่ยอมกิน
คุณรอไปอีกอาทิตย์หนึ่งแล้วค่อยเริ่มลองใหม่
เมื่อคอยไปอีกอาทิตย์หนึ่งแล้วลองอีกครั้งหนึ่ง
ถ้ายังไม่ยอมเหมือนครั้งแรก
ก็รอไปอีกอาทิตย์หนึ่งแล้วค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง
ถ้าเริ่มลองด้วยโจ๊กแล้วเด็กไม่ชอบ
ลองเปลี่ยนเป็นขนมปังต้มนม
(ขนมปังฉีกละเอียดต้มในนม)
หรืออาหารเสริมสำเร็จรูป

ในช่วงระยะ 5-6 เดือนนี้
เป็นระยะลองให้เด็กรู้จักอาหารเสริม
ถึงแม้เด็กจะอายุครบ 6 เดือนแล้ว
เด็กบางคนยังไม่ยอมกินโจ๊กหรือขนมปังต้มนม
เด็กแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบกินของเละ ๆ
ถ้าให้ขนมปังทั้งแผ่นโดยไม่ต้มหรือให้ข้าวสวย
เด็กจะชอบกิน ถ้าลูกของคุณเป็นแบบนี้
คุณแม่ไม่ต้องร้อนใจกลัวลูกขาดอาหาร
ในช่วงที่เด็กยังไม่มีฟัน
คุณแม่ก็ให้แต่กับข้าว
(เช่น ไข่ตุ๋น มันบด เต้าหู้ขาว ฯลฯ)
ไปพลางก่อน
เมื่อเด็กพอจะกินข้าวสวยได้
ก็หุงให้นิ่มสักหน่อยแล้วให้ข้าวสวยได้เลย
(ข้าวสารผสมข้าวเหนียวเล็กน้อยจะนิ่มขึ้น)

สิ่งสำคัญที่สุดในการให้อาหารเสริมคือ
ให้อาหารที่เด็กชอบ
อย่าบังคับให้กินโน่นกินนี่เพราะกลัวขาดวิตามิน
เพราะจะทำให้คุณหย่านมลูกไม่สำเร็จ

นอกจากการบังคับให้เด็กกินอาหารจะไม่ดีแล้ว
การปล่อยปละละเลย
ไม่หัดให้ลูกกินอาหารเสริม
เมื่อถึงเวลาที่เด็กอยากกินก็ไม่ดีเช่นกัน
เพราะนอกจากจะทำให้
เด็กขาดอาหรที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว
ยังทำให้เด็กไม่คุ้นเคยกับอาหารอ่อน อาหารแข็ง
จะกินแต่นมท่าเดียวจนโต
อย่างนี้ก็เรียกว่าคุณแม่หย่านมลูกไม่สำเร็จเช่นกัน
มีเด็กหลายคนทีเดียวที่เป็นเช่นนี้
บางคนโตจน 5-6 ขวบ
จะขึ้นชั้นประถมแล้วยังต้องนอนดูดขวดนม
ข้าวปลาไม่ยอมกิน
ซึ่งมีผลเสียหลายประการ
เพราะร่างกายได้รับธาตุอาหารไม่พอเพียง
(เด็กจะแลดูอ้วนเพราะนม ทำให้คุณแม่พอใจว่าอ้วนดี)
แต่ร่างกายจะไม่แข็งแรง
มีผลต่อพัฒนาการของสมองและอีกหลายอย่าง
ฟันมักจะผุ
เมื่อฟันผุปวดฟันบ่อย ๆ ก็กินไม่ค่อยได้
เป็นกงเกวียนกำเกวียนอยู่อย่างนี้

เด็กควรจะกินอาหารเหมือนผู้ใหญ่
และหย่าขวดนมเมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ
(ไม่ได้หมายความว่างดให้นมแก่เด็ก
แต่ให้นมเป็นอาหารรองแทนอาหารหลัก
และค่อย ๆ หัดให้ดื่มจากถ้วย
ไม่ใช่ดูดจากขวดจนโต)

พัฒนาการ และความสามารถทางภาษาตามวัย ตั้งแต่แรกเกิด-6 เดือน

เดือนที่ 1 ทำเสียงเบาๆ ในลำคอ หรือขยับแขนขา หรือร้องไห้ด้วยเสียงต่างๆเพื่อสื่อให้รู้ว่าต้องการอะไร เมื่อได้ยินเสียงคนก็จะส่งเสียงโต้ตอบ และเริ่มจดจำเสียงของพ่อแม่

เดือนที่ 2 เลียนแบบเสียงสั้นสระสั้นๆ ได้ ส่งเสียงคูๆ และมีความสนใจกับเสียงต่างๆ

เดือนที่ 3 บางครั้งหยุดมองพ่อแม่ แล้วส่งเสียงอ้อแอ้คล้ายกำลังพูดด้วย และจะส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ หรือทำท่าหงุดหงิดเมื่อแม่หรือคนรู้จักเดินจากไป

เดือนที่ 4 ส่งเสียงอ้อแอ้นานขึ้น ถ้าพ่อแม่เล่นโต้ตอบกับลูกอาจนานราวๆ 15-20 นาที ทารกจะชอบเล่นน้ำลาย และส่งเสียงคล้ายเสียงพูด ส่งเสียงกิ๊กกั๊กบางครั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากคล้ายกับจะพูดกับพ่อแม่ด้วยระดับเสียงสูงๆ ต่ำๆ
 
เดือนที่ 5 ออกเสียงสระต่างๆ ได้บางครั้งคล้ายเสียงพยัญชนะ “ม” หรือ “บ” วัยนี้ชอบจ้องดูปากคน และเลียนเสียงตามเมื่อมีคนมาเล่นเสียงด้วย เริ่มจดจำชื่อ สิ่งของต่างๆ ได้ดีขึ้น

เดือนที่ 6 ส่งเสียงแบบพยัญชนะมากขึ้น เปลี่ยนระดับเสียงได้มากขึ้น สามารถควบคุมเสียงได้ดีขึ้น ส่งเสียงบอกอารมณ์ต่างๆ สนุกกับการพูดคนเดียวโดยไม่สนใจว่าใครจะฟังหรือไม่เมื่อได้ยินเสียงที่น่าสนใจจะหันไปมอง

Logged

Pages: [1]   Go Up
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
แผนที่ไทย.คอม - PanteeTHAI.com

 
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!