Title: นวัตกรรมคนไทยใช้ RFID จัดตารางรถเมล์แทนจีพีเอส
Post by: phanwit on June 02, 2010, 05:22:00 PM
นวัตกรรมคนไทยใช้ RFID จัดตารางรถเมล์แทนจีพีเอส
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 มิถุนายน 2553 11:51 น.
หากติดตั้งเครื่องรับจีพีเอสให้รถเมล์ทุกคัน ผู้ประกอบการต้องลงทุนมหาศาล ขณะเดียวกันข้อมูลตำแหน่งโดยละเอียดจากดาวเทียม อาจเกินความจำเป็น นวัตกรรม RFID จึงเข้ามาตอบโจทย์ด้วยราคาที่ถูกลงและเหมาะสมกับความยุ่งเหยิงของการจราจรใน เมืองกรุง
หลายคนไม่ปฏิเสธว่าระบบจีพีเอส (GPS) ช่วยให้เราทราบตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่ระบบดังกล่าวอาจเกินความจำเป็นสำหรับการจัดตารางและเส้นทางเดินรถประจำ ทางหรือรถเมล์ และมีค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่ระบบเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายหรือ RFID สามารถระบุตำแหน่งของรถเมล์ได้เมื่อติดตั้งระบบส่งสัญญาณบนรถเมล์และระบบรับ สัญญาณตามจุดต่างๆ ที่รถวิ่งผ่าน
ภายในห้องปฏิบัติการของคณะโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผศ.ดร.ณกร อินทร์พยุง อาจารย์ประจำคณะได้เผยให้ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์และคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมระบบ RFID เพื่อใช้ติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์หรือตามเวลาจริง ซึ่งได้ติดตั้งให้กับรถเมล์เอกชนในกรุงเทพฯ ประมาณ 200 คัน โดยความร่วมมือกับ บริษัท เซ้าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด ผู้ว่าจ้างคณะโลจิสติกส์เพื่อทำวิจัยและพัฒนาระบบดังกล่าว
ในระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเครื่องอ่าน RFID กว่า 100 ตัวที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่ง ผศ.ดร.ณกรกล่าวว่าเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และภายในปี 2553 จะติดตั้งให้ได้ 157 ตัว โดยมีเป้าหมายติดตั้งให้ครบ 500 ตัวทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่เรียกว่า "บีมูฟ" (B Move) ผ่านจุดที่ติดตั้งเครื่องอ่านจะส่งข้อมูลแสดงตัวตน (Vehicle ID) ไปที่เครื่องอ่าน และสัญญาณจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์ควบคุมผ่านระบบ ADSL
"ระบบนี้ช่วยให้จัดตารางเวลาในการเดินรถได้เหมาะสม ไม่เกิดภาวะรถเมล์มาพร้อมกัน 5 คัน ที่ทำให้ผู้ประกอบการเจ๊งและทำให้คนซึ่งพลาดรถเมล์ทั้ง 5 คันนั้นต้องรอรถอีกนาน" ผศ.ดร.ณกรยกตัวอย่างประโยชน์ของระบบเมื่อใช้ติดตามรถเมล์ และยังประยุกต์ใช้กับการเดินรถประเภทอื่นๆ ได้อีก
อย่างไรก็ดี ผู้พัฒนากล่าวว่าระบบติดตามยานพาหนะนี้เป็นเพียงทางเลือกทดแทนระบบจีพีเอส ซึ่งช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดในกรุงเทพฯ ซึ่งมีตึกสูงและมีเส้นทางเดินรถยกระดับที่ให้มีพื้นที่อับสัญญาณ ไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ และเป็นระบบที่เหมาะกับจำนวนยานพาหนะปริมาณมากๆ เพราะหากผู้ประกอบการมียานพาหนะเพียงไม่กี่คันจะเหมาะกับระบบจีพีเอสมากกว่า
“ผลพลอยได้ หากมีเครื่องรับ-ส่งมากพอเราจะสามารถทำข้อมูลระบบจราจรได้ และถ้ารวมเข้ากับระบบจีพีเอสจะได้ข้อมูลที่แม่นยำ 85%” นายสลิล ปิ่นขยัน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเซ๊าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด กล่าวและเผยว่าทางบริษัทจะมีความร่วมมือในการติดตั้งระบบ RFID ให้กับรถแท็กซี่สีฟ้าในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6,000 คัน
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวมีแนวคิดจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีระบบติดตามรถสาธารณะด้วย RFID แต่ได้ปรับให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรที่ไร้ระเบียบของเมืองไทย สภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเมืองหนาว โดยสามารถอ่านสัญญาณได้ไกล 200-300 เมตร และติดตั้งเครื่องอ่านสัญญาณเพียงจุดเดียวสามารถอ่านสัญญาณทั้งขาไป-ขากลับ รวมถึงรถที่วิ่งขึ้นสะพานและทางยกระดับด้วย
การพัฒนาระบบติดตามยานพาหนะด้วย RFID นี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ในโครงการ "แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน" ด้วยเงินอุดหนุน 1,300,000 บาท ในระยะเวลา 6 เดือน ขณะที่การพัฒนาระบบดังกล่าวได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2550
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 มิถุนายน 2553 11:51 น.
หากติดตั้งเครื่องรับจีพีเอสให้รถเมล์ทุกคัน ผู้ประกอบการต้องลงทุนมหาศาล ขณะเดียวกันข้อมูลตำแหน่งโดยละเอียดจากดาวเทียม อาจเกินความจำเป็น นวัตกรรม RFID จึงเข้ามาตอบโจทย์ด้วยราคาที่ถูกลงและเหมาะสมกับความยุ่งเหยิงของการจราจรใน เมืองกรุง
หลายคนไม่ปฏิเสธว่าระบบจีพีเอส (GPS) ช่วยให้เราทราบตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่ระบบดังกล่าวอาจเกินความจำเป็นสำหรับการจัดตารางและเส้นทางเดินรถประจำ ทางหรือรถเมล์ และมีค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่ระบบเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายหรือ RFID สามารถระบุตำแหน่งของรถเมล์ได้เมื่อติดตั้งระบบส่งสัญญาณบนรถเมล์และระบบรับ สัญญาณตามจุดต่างๆ ที่รถวิ่งผ่าน
ภายในห้องปฏิบัติการของคณะโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผศ.ดร.ณกร อินทร์พยุง อาจารย์ประจำคณะได้เผยให้ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์และคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมระบบ RFID เพื่อใช้ติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์หรือตามเวลาจริง ซึ่งได้ติดตั้งให้กับรถเมล์เอกชนในกรุงเทพฯ ประมาณ 200 คัน โดยความร่วมมือกับ บริษัท เซ้าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด ผู้ว่าจ้างคณะโลจิสติกส์เพื่อทำวิจัยและพัฒนาระบบดังกล่าว
ในระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเครื่องอ่าน RFID กว่า 100 ตัวที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่ง ผศ.ดร.ณกรกล่าวว่าเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และภายในปี 2553 จะติดตั้งให้ได้ 157 ตัว โดยมีเป้าหมายติดตั้งให้ครบ 500 ตัวทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่เรียกว่า "บีมูฟ" (B Move) ผ่านจุดที่ติดตั้งเครื่องอ่านจะส่งข้อมูลแสดงตัวตน (Vehicle ID) ไปที่เครื่องอ่าน และสัญญาณจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์ควบคุมผ่านระบบ ADSL
"ระบบนี้ช่วยให้จัดตารางเวลาในการเดินรถได้เหมาะสม ไม่เกิดภาวะรถเมล์มาพร้อมกัน 5 คัน ที่ทำให้ผู้ประกอบการเจ๊งและทำให้คนซึ่งพลาดรถเมล์ทั้ง 5 คันนั้นต้องรอรถอีกนาน" ผศ.ดร.ณกรยกตัวอย่างประโยชน์ของระบบเมื่อใช้ติดตามรถเมล์ และยังประยุกต์ใช้กับการเดินรถประเภทอื่นๆ ได้อีก
อย่างไรก็ดี ผู้พัฒนากล่าวว่าระบบติดตามยานพาหนะนี้เป็นเพียงทางเลือกทดแทนระบบจีพีเอส ซึ่งช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดในกรุงเทพฯ ซึ่งมีตึกสูงและมีเส้นทางเดินรถยกระดับที่ให้มีพื้นที่อับสัญญาณ ไม่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ และเป็นระบบที่เหมาะกับจำนวนยานพาหนะปริมาณมากๆ เพราะหากผู้ประกอบการมียานพาหนะเพียงไม่กี่คันจะเหมาะกับระบบจีพีเอสมากกว่า
“ผลพลอยได้ หากมีเครื่องรับ-ส่งมากพอเราจะสามารถทำข้อมูลระบบจราจรได้ และถ้ารวมเข้ากับระบบจีพีเอสจะได้ข้อมูลที่แม่นยำ 85%” นายสลิล ปิ่นขยัน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเซ๊าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด กล่าวและเผยว่าทางบริษัทจะมีความร่วมมือในการติดตั้งระบบ RFID ให้กับรถแท็กซี่สีฟ้าในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6,000 คัน
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวมีแนวคิดจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีระบบติดตามรถสาธารณะด้วย RFID แต่ได้ปรับให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรที่ไร้ระเบียบของเมืองไทย สภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเมืองหนาว โดยสามารถอ่านสัญญาณได้ไกล 200-300 เมตร และติดตั้งเครื่องอ่านสัญญาณเพียงจุดเดียวสามารถอ่านสัญญาณทั้งขาไป-ขากลับ รวมถึงรถที่วิ่งขึ้นสะพานและทางยกระดับด้วย
การพัฒนาระบบติดตามยานพาหนะด้วย RFID นี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ในโครงการ "แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน" ด้วยเงินอุดหนุน 1,300,000 บาท ในระยะเวลา 6 เดือน ขณะที่การพัฒนาระบบดังกล่าวได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2550
