กรมการขนส่งทางบก คุมเข้มความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะ

[phanwit]

กรมการขนส่งทางบก คุมเข้มความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะ พบขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกำหนด และไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ปรับ 5,000 บาททุกราย พร้อมเดินหน้าตรวจจับความเร็วรถตู้ด้วยเทคโนโลยี RFID บนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์และมอเตอร์เวย์ 1 เมษายนนี้

ข่าวที่ 46 / 9 กุมภาพันธ์ 2555
กรมการขนส่งทางบก คุมเข้ม !!! ความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะ พบขับรถเร็วเกิน
อัตรากฎหมายกำหนด และ ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ปรับ 5,000 บาททุกราย!!! พร้อม
เดินหน้าตรวจจับความเร็วรถตู้ด้วยเทคโนโลยี RFID บนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์
และ มอเตอร์เวย์ 1 เมษายนนี้ และเตรียมครอบคลุมทั่วประเทศ

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า อุบัติเหตุรถตู้โดยสาร
สาธารณะ ส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับรถเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง
กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการตรวจเข้มรถตู้โดยสารสาธารณะตามจุดต่าง ๆ มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง
โดยจากการออกตรวจสอบรถตู้โดยสารสาธารณะ ในปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554-มกราคม
2555 ปรากฏว่า มีการเรียกรถตู้โดยสารสาธารณะเข้าตรวจ จำนวน 6,288 ราย พบการกระทำผิด จำนวน
833 ราย โดยความผิดส่วนใหญ่เป็นการใช้รถนอกเส้นทางที่กำหนด 262 ราย รองลงมาเป็นความผิดเกี่ยวกับ
ผู้ประจำรถ 131 รายและ อุปกรณ์ส่วนควบของตัวรถไม่มั่นคงแข็งแรง 120 ราย และมีผู้กระทำผิดในกรณีใช้
รถที่มีความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด จำนวน 8 ราย ซี่งกรมการขนส่งทางบก ได้เพิ่มมาตรการในการ
ควบคุมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การตรวจจับตามจุดเสี่ยง การพิจารณาเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด รวมถึง
การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการด้วย

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังระบุว่า เพื่อเป็นการหามาตรการเสริมความปลอดภัยของรถ
โดยสารสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกได้สั่งการสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีคิวรถตู้ หมวด ๒
(รถที่วิ่งระหว่างกรุงเทพฯกับต่างจังหวัด) และหมวด 3 (รถที่วิ่งระหว่างจังหวัดกับจังหวัด) ลงพื้นที่
ตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถ รวมทั้งประสานและขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ควบคุมพนักงานขับ
รถ และลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักในการคุ้มครองสวัสดิภาพในการใช้รถตู้โดยสารสาธารณะ
นอกจากนี้ยังตรวจสอบเส้นทางรถตู้โดยสารตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง และ ปลายทาง เพื่อคุมเข้ม
พฤติกรรมการขับรถอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากพบว่ามีพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ขับรถเร็ว
ให้เปรียบเทียบปรับรายละ 5,000 บาท

นายสมชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับมาตรการในระยะต่อไป กรมการขนส่งทางบกจะ
ดำเนินการควบคุมความเร็วของรถตู้โดยสารสาธารณะ รถร่วม บขส.และรถร่วม ขสมก. ด้วยเทคโนโลยี RFID
ในการตรวจจับความเร็วของรถ โดยในระยะแรกจะดำเนินการกับรถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งบนทางด่วน
ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ซึ่งหากตรวจพบรถที่ฝ่าฝืนจะปรับทันที 5,000 บาท และหาก
พบการกระทำผิดซ้ำจะลงโทษปรับ 10,000 บาท พร้อมถอนรถออกจากการประกอบการทันที โดยเริ่ม
บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน นี้ ส่วนระยะต่อไปจะดำเนินการตรวจจับความเร็วรถโดยสารสาธารณะ
ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์สิทธิในการใช้บริการรถโดยสาร
สาธารณะ หากพบเห็นรถโดยสารสาธารณะ ไม่ปลอดภัย แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้าย

[wtulite]

เจ๋ง สุดๆไปเลย

[phanwit]

เล็งติดจีพีเอสรถสาธารณะคุมเข้มคนขับห้ามซิ่ง–วิ่งทับเส้นทาง
ไทยรัฐ

คมนาคม เล็งติดจีพีเอส รถสาธารณะคุมเข้มคนขับห้ามซิ่งและวิ่งทับเส้นทาง ด้านขนส่งเผยภายใน 6 เดือนจะได้ข้อสรุป

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อยู่ระหว่างศึกษานำระบบจีพีเอส หรือระบบดาวเทียมที่ใช้ในการบอกตำแหน่งของรถยนต์ มาใช้ควบคุมความปลอดภัยในรถยนต์สาธารณะเพิ่มเติม นอกจากระบบอาร์เอฟไอดี ซึ่งเป็นระบบติดตามและตรวจจับความเร็วที่กรมเตรียมบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เนื่องจากระบบจีพีเอส มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า เพราะเป็นระบบดาวเทียมที่ส่งสัญญาณและรายงานตำแหน่งการขับขี่ เส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ แบบเวลาจริงตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกๆ พื้นที่ที่รถยนต์ขับขี่ผ่าน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้กรมสามารถรับรู้และกำกับดูแลพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ให้ บริการรถยนต์สาธารณะได้เข้มข้นมากขึ้น

รวมทั้งยังช่วยจัดระบบการเดินรถยนต์สาธารณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอีก โดยเฉพาะสามารถแก้ไขปัญหารถยนต์สาธารณะวิ่งทับเส้นทาง ซึ่งเกิดกรณีร้องเรียนขึ้นบ่อยครั้ง เพราะระบบดังกล่าวจะมีการรายงานเส้นทางที่รถยนต์ขับผ่านว่าขับผ่านไปในเส้น ทางใด มีการขับออกนอกเส้นทาง หรือมีการวิ่งทับทางของผู้ประกอบการรายอื่นหรือไม่ หรือมีการหยุดจอด หรือแวะพักบริเวณใดบ้าง เบื้องต้นอาจนำร่องติดตั้งกับรถตู้สาธารณะก่อน เนื่องจากมีปัญหาอุบัติมาก แต่จะยังไม่บังคับใช้กับรถแท็กซี่สาธารณะ

“ขณะนี้ ขบ.ได้นำงบประมาณ จำนวน 5 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) มาใช้ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการติดตั้งระบบจีพีเอสในรถยนต์สาธารณะ ว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ เพราะจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าหากผู้ประกอบการรถยนต์สาธารณะมีการติดตั้งระบบดังกล่าวจะต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน โดยคาดว่า ภายใน 6 เดือน ขบ.จะสามารถนำผลการศึกษาสรุปเสนอให้ผมพิจารณาได้”

ด้านนายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ภายใน 6 เดือน จะได้ข้อสรุปในการศึกษานำเทคโนโลยีจีพีเอสมาติดตั้งในรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีผลการศึกษาการนำเทคโนโลยีจีพีเอสมาติดตั้งกับรถโดยสารสาธารณะบ้างแล้ว โดยปัญหาสำคัญที่ต้องศึกษาให้ละเอียดมากขึ้นคือ เงินลงทุนในการติดตั้งที่สูง เนื่องจากเป็นระบบที่เชื่อมต่อกับดาวเทียม และใครจะมาเป็นผู้ควบคุมการใช้ระบบ ระหว่างเอกชน หรือหน่วยราชการ.

โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ

23 กุมภาพันธ์ 2555, 21:12 น.

[penter]

ดีเลย แบบนี้ อุ่นใจหน่อย ^^

[phanwit]

ดีเดย์ 1 เม.ย.นี้ รถตู้สาธารณะวิ่งเกิน 90กม./ชม.โดยจับแน่
ไทยรัฐ
28 มีนาคม 2555

ดีเดย์ 1 เมษายนนี้ ตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะด้วยระบบ RFID ที่วิ่งให้บริการบนทางด่วนโทลล์เวย์-มอเตอร์เวย์ หากวิ่งเกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถูกจับ-ปรับทันที หากทำซ้ำซากยึดใบอนุญาตแน่

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55  กรมการขนส่งทางบก จะนำระบบเทคโนโลยีตรวจจับความเร็วRFID มาตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะรถร่วมบริการของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ รถร่วมบริการ บริษัท ขนส่ง จำกัดหรือ บขส. ที่วิ่งให้บริการบนทางด่วนโทลล์เวย์ ,ทางด่วน และ ทางพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ รวมถึงทางหลวงแผ่นดินในรัศมี 300 กิโลเมตร หากรถร่วมบริการวิ่งด้วยความเร็วเกินกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากตรวจพบรถที่ฝ่าฝืนจะปรับทันที 5,000 บาท และหากพบการกระทำผิดซ้ำจะลงโทษปรับ 10,000 บาท พร้อมทั้งถอนรถออกจากการประกอบการด้วย

นายสมชัย  กล่าวต่อว่า สาเหตุที่กรมการขนส่งทางบกนำ ระบบเทคโนโลยี RFID มาตรวจจับนั้นเนื่องจากพบว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถตู้โดยสารสาธารณะ เฉพาะเดือนมกราคม – มีนาคมที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงของรถตู้โดยสารสาธารณะถึงจำนวน 17 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 27 ราย และบาดเจ็บ 137 ราย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับเร็วเกินกำหนด สำหรับระบบเทคโนโลยีตรวจจับความเร็ว RFID มีจุดเด่น คือ ความสามารถในการอ่านข้อมูลโดยที่ไม่ต้องสัมผัส อ่านค่าได้แม่นยำในสภาพที่ทัศนวิสัยไม่ดี ทนต่อความเปียกชื้น แรงสั่นสะเทือน การกระทบกระแทก และอ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง องค์ประกอบในระบบ RFID จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ  ทรานสพอนเดอร์ (Transponder, Transmitter & Responder) หรือ “แท็กส์” (Tag) และอุปกรณ์สำหรับอ่านหรือเขียนข้อมูลภายใน Tag ที่เรียกว่า “เครื่องอ่าน” (Reader) ทั้งสองส่วนจะสื่อสารกันโดยอาศัยช่องความถี่วิทยุ เมื่อเครื่องอ่านข้อมูลผ่านความถี่วิทยุ แสดงถึงความต้องการข้อมูลที่อยู่ใน Tag ซึ่ง Tag จะตอบข้อมูลกลับเครื่องอ่านและนำข้อมูลไปประมวลผลต่อไป โดยขนส่งทางบกได้นำระบบ RFID มาใช้ในการตรวจจับรถที่วิ่งผ่านจุดที่กำหนดไว้อย่างน้อย 2 จุด เพื่อให้ได้ระยะทางและเวลาที่รถใช้ในการเดินทาง ซึ่งเมื่อนำระยะทางมาหารด้วยเวลาก็จะสามารถคำนวณความเร็วเฉลี่ยที่รถคันนั้นๆ ใช้ในการเดินทางได้ ถ้าคำนวณความเร็วเฉลี่ยออกมาเร็วเกินอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนดก็จะถือว่ามีความผิด

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องอ่าน (RFID READER) ตามเส้นทาง ต่างๆ เพื่อตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะ และทดสอบระบบโดยสมบูรณ์พร้อมใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตามเป้าหมาย พร้อมแนะประชาชนใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้น เพื่อให้ได้รับสิทธิ์คุ้มครองความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี RFID โดยขอให้สังเกตจากแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ถูกต้อง ต้องเป็นทะเบียนสีเหลือง ตัวเลขและตัวอักษรสีดำ ด้านข้างรถมีเครื่องหมายแสดงการเข้าร่วมกับ ขสมก. หรือ บขส. พร้อมชื่อเส้นทาง ส่วนรถตู้โดยสารสาธารณะที่ผิดกฎหมาย จะเป็นป้ายสีขาว ตัวเลขและตัวอักษรสีน้ำเงิน หรือสีดำ ซึ่งการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่ผิดกฎหมายนั้นนอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้ว ยังยากต่อการติดตาม ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรมด้วย

"หากพบเห็นรถตู้โดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย เอาเปรียบผู้โดยสารแจ้ง ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง"

ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. กล่าวว่า ขณะนี้ รถร่วมบริการ บขส. ที่มีกว่า 4,200 คัน ได้ติดตั้งระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทุกคัน และหากรถคันใดถอน หรือ ลักลอบเอาระบบดังกล่าวออก นายท่าสถานีจะไมอนุญาตให้นำรถออกจากท่าเด็ดขาด

ขณะที่นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวว่า ขณะนี้รถตู้ร่วมบริการ ขสมก. มีทั้งสิ้น 5,471 คัน ไดมีการติดตั้งระบบ RFID ไปแล้วกว่า 2,000 คัน โดยมั่นใจว่าภายใน 1 เม.ย.จะติดตั้งครบ 100% แน่นอน.

[phanwit]

ขนส่งฯ เร่งกวาดล้าง "รถตู้ซิ่ง" เผยแค่ 6 วัน พบยอดทำผิดกว่า 300 คัน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 เมษายน 2555 02:51 น.

ขนส่งฯ เอาจริง! เร่งกวาดล้าง "รถตู้" ซิ่ง-ใช้ความเร็วเกิน กม. กำหนด เผยยอด 6 วัน พบรถโดยสารทำผิดอื้อ จำนวนกว่า 300 คัน รถร่วมฯ บขส. นำโด่ง ส่วนรถร่วม ขสมก. รองแชมป์ เดินหน้าเอาผิด ส่งหนังสือแจ้งต้นสังกัด สั่งรายงานตัวภายใน 15 วัน พร้อมชำระค่าปรับ 5 พันบาท หากทำผิดซ้ำโดนหนักถึงขั้นถอนใบอนุญาต ฝากแนะ ปชช. ใช้บริการเฉพาะรถที่ถูก กม. เท่านั้น เพื่อให้ได้สิทธิคุ้มครอง
       
       นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงผลการตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ระหว่างวันที่ 1-6 เมษายน 2555 (เวลา 24.00 น.) พบว่ามีรถตู้โดยสารสาธาณะที่ติดตั้งระบบ RFID วิ่งผ่านเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 27,864 คัน ในจำนวนนี้ พบรถตู้โดยสารสาธาณะที่ขับเร็วเกินกำหนดจำนวน 305 คัน เป็นรถร่วมบริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 253 คัน และรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 52 คัน
       
       นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง บขส. และ ขสมก. เพื่อประสานไปยังผู้ขับรถที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้มารายงานตัว และชำระค่าปรับ 5,000 บาท ภายใน 15 วัน โดยหากกระทำความผิดซ้ำปรับ 10,000 บาท พร้อมถอนรถออกจากการประกอบการ
       
       ทั้งนี้ หากไม่มารายงานตัวภายในกำหนด กรมการขนส่งทางบกจะบันทึกการกระทำความผิดไว้ที่ต้นทะเบียน ส่งผลให้รถคันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนได้ จึงขอให้ผู้ประกอบการ และพนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
       
       พร้อมกันนี้ ยังแนะให้ประชาชนร่วมกันให้ใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้ได้รับสิทธิ์คุ้มครองความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี RFID โดยขอให้สังเกตจากแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ถูกต้อง ต้องเป็นทะเบียนสีเหลือง ตัวเลขและตัวอักษรสีดำ ด้านข้างรถมีเครื่องหมายแสดงการเข้าร่วมกับ ขสมก. หรือ บขส. พร้อมชื่อเส้นทาง
       
       ส่วนรถตู้โดยสารสาธารณะที่ผิดกฎหมาย จะเป็นป้ายสีขาว ตัวเลขและตัวอักษรสีน้ำเงิน หรือสีดำ ซึ่งการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะที่ผิดกฎหมายนั้น นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้ว ยังยากต่อการติดตาม ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรมด้วย
       
       ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ขอเชิญชวนประชาชน ร่วมเป็นเครือข่ายในการส่งเสริมความปลอดภัย และหากพบเห็นรถตู้โดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย เอาเปรียบผู้โดยสาร สามารถแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

[BRT_92fs]

ช่วงสงกรานต์นี้ ขับรถด้วยความระมัดระวัง
ขอให้ขับรถปลอดภัยทุกคน
โชคดีตลอดการเดินทาง